การปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ คือ การปลูกพืชโดยที่ให้รากพืชแช่อยู่ในสารละลายหรือปุ๋ย เพื่อทดแทนธาตุอาหารจากดิน เช่น อะควาโปนิกส์ แต่หนึ่งในรูปแบบที่ทำง่าย เหมาะสำหรับมือใหม่ คือ การ ปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ในกล่องโฟม
ซึ่ง ปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ในกล่องโฟม หรือที่เรียกกว่า การปลูกแบบน้ำนิ่ง จะมีวัสดุอุปกรณ์ที่ต้องเตรียมหลักๆ ผ่านบทความนี้ รวมถึงวิธีการปลูกเองก็สำคัญไม่แพ้กัน สามารถศึกษาได้จากขั้นตอนเหล่านี้ เพื่อที่จะได้มีผลผลิตผักไว้เก็บทานได้ในอนาคต
- เริ่มต้น ปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ ต้องรู้จักระบบน้ำกันหน่อย
- รวม 9 รูปแบบ การปลูกพืชที่ไม่ใช้ดิน (Soilless Culture) และ ชนิดพืชที่ปลูกได้
วัสดุอุปกรณ์สำหรับ การ ปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ในกล่องโฟม
การปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ในกล่องโฟม : เมล็ดพันธุ์
ให้เลือกเมล็ดพันธุ์ที่มีคุณภาพ สดใหม่ จากร้านค้าที่เชื่อถือได้ ซึ่งการปลูกในระบบนี้จะนิยมกับผักทานใบที่มีระบบรากสั้น เช่น ผักสลัด สะระแหน่ ขึ้นฉ่าย โหระพา ต้นหอม ผักชี เป็นต้น ส่วนการซื้อเมล็ดพันธุ์ แนะนำให้ซื้อครั้งละน้อยๆ แต่บ่อยครั้ง จะดีกว่าการซื้อครั้งละจำนวนมาก เพราะเมล็ดผักที่เก็บไว้นานมักจะเสื่อมสภาพ ส่งผลให้อัตราการงอกต่ำ
สำหรับเมล็ดพันธุ์ที่แกะซองแล้วใช้ไม่หมด ให้นำเมล็ดที่เหลือไปแช่ในตู้เย็นในช่องสำหรับเก็บผัก จะช่วยยืดอายุเมล็ดพันธุ์ได้นานมากกว่าการเก็บในอุณหภูมิห้อง โดยการเก็บจะต้องนำเมล็ดใส่ในซองกระดาษเพื่อดูดซับความชื้นแล้วห่อด้วยถุงพลาสติกอีกชั้น แล้วมัดด้วยยางให้แน่น เพื่อกันความชื้นเข้ามาสัมผัสกับเมล็ดพันธุ์
ปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ในกล่องโฟม : ปุ๋ย A และ B
เป็นสารอาหารสำหรับพืชเพื่อใช้ในการเจริญเติบโต โดยจะแบ่งเป็นแบบแห้ง (ต้องนำมาผสมเอง) และ แบบน้ำ ซึ่งจะแบ่งเป็น ปุ๋ยสูตร A ส่วนใหญ่จะมีส่วนแดง และ ปุ๋ย B ส่วนใหญ่จะมีสีเขียวอ่อน โดยวิธีการใช้จะให้ผสมสูตร A ลงในน้ำก่อน แล้วค่อยตามด้วยสูตร B ในอัตราส่วนที่ผู้ผลิตกำหนด และหลังจากผสมเสร็จหากใช้ไม่หมด ให้เก็บไว้ในพื้นที่ทึบแสง เพื่อป้องกันปุ๋ยตกตะกอน และ เสื่อมสภาพ
ปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ในกล่องโฟม : ถ้วยปลูก
ใช้สำหรับเป็นตัวล็อกพืชผักกับฟองน้ำ ให้เข้ากับฝาโฟมที่เจาะรู และ กันไม่ให้ผักตกลงไปในกล่องโฟม ซึ่งถ้วยปลูกจะมีให้เลือกด้วยกัน 2 แบบ แบบสีเขียว จะบางและมีอายุการใช้งานที่สั้น และ แบบสีขาว จะหนาและมีอายุการใช้งานที่นานกว่า
ปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ในกล่องโฟม : ถาดเพาะ และ ฟองน้ำ
ถาดเพาะ ใช้สำหรับอนุบาลกล้าผักบนแผ่นฟองน้ำ โดยเลือกถาดเพาะที่ขอบไม่สูงมากเกินไป เพราะจะบดบังแสงแดดจนทำให้ผักโตได้ช้า รวมถึงมีขนาดเหมาะสมกับฟองน้ำ และ เหลือช่องว่างระหว่างขอบถาดกับฟองน้ำให้น้อยที่สุด เพื่อป้องกันการเกิดตะไคร้น้ำ
ฟองน้ำ ใช้สำหรับเพาะเมล็ด เพาะกล้าผัก รวมถึงใช้สำหรับให้ต้นผักยึดเกาะได้ในขณะปลูก โดยฟองน้ำจะมีรอยบาก เพื่อให้สามารถหยอดเมล็ดลงไปได้
อุปกรณ์วัดค่า EC และ ค่า pH
เพื่อใช้สำหรับวัดค่าน้ำ ซึ่งค่าทั้ง 2 นี้มีผลต่อการเจริญเติบโตต่อพืชอย่างมาก โดยค่า EC คือ ค่าการนำไฟฟ้าในน้ำ และ เป็นตัวบ่งบอกถึงปริมาณของสารอาหารที่มีอยู่ หลังจากผสมปุ๋ยแล้วควรมีความเข้มข้นประมาณ 1,400-1,700 µS/cm.
ค่า pH เป็นค่าความเป็นกรด-ด่างของน้ำ โดยค่าที่เหมาะสมจะทำให้พืชสามารถดูดซึมแร่ธาตุได้ สำหรับการปลูกผักไฮโดรโปนิสก์ค่า pH จะอยู่ที่ประมาณ 6.0
กล่องโฟมพร้อมฝา
กล่องโฟมจะใช้เป็นภาชนะในการปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ โดยให้เลือกกล่องโฟมที่มีความกว้างประมาณ 35-40 ซม. (สามารถปลูกได้ 2 แถว) ส่วนความยาวขึ้นอยู่กับขนาดของพื้นที่ และ ความสูงประมาณ 15-20 ซม.
สำหรับฝาโฟมให้ใช้คัตเตอร์เจาะรู ให้มีขนาดพอที่ถ้วยปลูกจะสามารถใส่แล้วไม่ตกลงไป และ มีระยะห่างระหว่างรูประมาณ 20 ซม. เป็นระยะที่เหมาะสมในการปลูก ถ้าใกล้กันกว่านี้เมื่อเจริญเติบโตมากขึ้น ก็อาจบดบังแสงแดด รวมถึงเป็นจุดซ่อนตัวของศัตรูพืชต่างๆ ได้
ขั้นตอนวิธีปลูก ชุดผักไฮโดรโปนิกส์ แบบน้ำนิ่ง
1 I นำฟองน้ำมาวางลงในถาดเพาะแล้วเทน้ำ จากนั้นใช้มือกดฟองน้ำ เพื่อให้ฟองน้ำดูดซับน้ำเข้าไปให้มากที่สุด สังเกตได้เมื่อน้ำถูกดูด ฟองน้ำจะมีลักษณะที่ฉ่ำน้ำมากขึ้น และ ให้น้ำมีความสูงประมาณครึ่งหนึ่งของความหนาฟองน้ำ
2 I นำเมล็ดมาหยอดตามรอยบากของฟองน้ำ โดยจะไม่กดให้เมล็ดลงไปจนลึกด้านล่าง แต่ให้เมล็ดอยู่ระดับเดียวกันกับผิวฟองน้ำ ซึ่งช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการเพาะเมล็ด จะเป็นช่วงเย็นถึงหัวค่ำ เมื่อหยอดเมล็ดเสร็จแล้วให้สเปรย์พ่นน้ำ ที่ผิวหน้าอีกรอบหนึ่งเพื่อให้ฟองน้ำฉ่ำน้ำเต็มที่ จากนั้นนำภาชนะมาครอบถาดเพาะไว้ให้มืดสนิท ใช้เวลาประมาณ 2 วัน เมล็ดก็จะเริ่มงอกออกมา
3 I ให้ย้ายถาดเพาะไปรับแสงแดดใต้ซาแรนพรางแสง 50% และฉีดพ่นสเปรย์ให้ผิวหน้าฟองน้ำชุ่มชื้น อย่าปล่อยให้แห้งเด็ดขาด
4 I เมื่อต้นกล้าอายุ 7 วัน จึงเริ่มให้ปุ๋ยได้
การผสมปุ๋ย ให้ใช้ตามอัตราส่วนที่ผู้ผลิตกำหนด โดยเริ่มจากใช้ไซริงค์ดูดปุ๋ยสูตร A มาผสมเข้ากับน้ำ แล้วคนให้ปุ๋ยกระจายตัวทั่วดีแล้ว จากนั้นค่อยใส่ปุ๋ยสูตร B ผสมน้ำตามลงไป
หลังจากผสมเสร็จแล้ว ให้วัดค่า EC และ ค่า pH โดยค่า EC ที่เหมาะสมจะอยู่ที่ 1,400-1,700 µS/cm. และ ค่า pH ที่เหมาะสมสำหรับการปลูกผักไฮโดรโปนิสก์จะอยู่ที่ประมาณ 6.0
5 I การให้ปุ๋ยให้กับพืช ให้เทน้ำเดิมที่อยู่ในถาดเพาะออกให้จนหมดก่อน จากนั้นนำน้ำปุ๋ยที่ผสมแล้ว เทลงในถาดเพาะ ใช้เวลาดูแลอีก 5 วัน ถ้าระหว่างนี้น้ำปุ๋ยแห้งเร็วก็ให้ผสมเพิ่มและเทลงไป
6 I เตรียมกล้าผักให้พร้อมสำหรับปลูก เมื่อผักสลัดอายุได้ 12 วัน จะมีใบจริงประมาณ 2-3 คู่ จึงเริ่มเตรียมกล่องโฟม และ เตรียมย้ายกล้าผักสลัด
ขั้นตอนการเตรียมกล่องโฟม เริ่มจากนำกล่องโฟมที่เตรียมไว้ มาเติมน้ำสะอาด แล้วตามด้วยการผสมปุ๋ย โดยผสมตามสูตรที่ผู้ผลิตกำหนด จากนั้นปิดฝากล่องโฟมที่มีรูพร้อมสำหรับปลูก นอกจากนี้สามารถใช้พลาสติกมาปูด้านในกล่อง เพื่อป้องกันอีกชั้นไม่ให้น้ำซึมออกมาจากกล่อง
เตรียมกล้าผักสลัด ใช้มือฉีกฟองน้ำให้กล้าผักหลุดออกมาพร้อมฟองน้ำของแต่ละต้น จากนั้นนำไปใส่ในถ้วยปลูก แล้วหย่อนใส่ลงในฝากล่องโฟมที่เจาะรูไว้แล้ว และควรสังเกตให้ดีว่า ฟองน้ำสัมผัสกับผิวน้ำแล้วหรือยัง เพื่อให้พืชสามารถดูดธาตุอาหารได้
7 I ลดระดับน้ำในกล่องลง เมื่อผักสลัดมีอายุ 27-28 วัน ให้ตักปุ๋ยออกเพื่อลดระดับน้ำภายในกล่อง ให้มีช่องว่างระหว่างก้นถ้วยปลูกกับผิวน้ำประมาณ 1 นิ้ว ในระหว่างนั้นถ้าน้ำมีปริมาณน้อยลง ก็ให้เติมน้ำสะอาดเข้าไปแทน
8 I ลดค่าไนเตรทก่อนเก็บเกี่ยว เมื่อผักสลัดอายุ 35 วัน ให้เปลี่ยนน้ำปุ๋ยเป็นน้ำสะอาดทั้งหมด เพื่อลดค่าไนเตรทที่จะสะสมในผักลง จนกระทั่งผักสลัดอายุ 40-45 วัน ก็พร้อมเก็บเกี่ยวได้แล้ว โดยเวลาที่เหมาะสมที่สุดจะเป็นช่วงก่อนพระอาทิตย์ขึ้น จะทำให้ผักสลัดที่ได้ไม่ขม หวานกรอบอร่อย